สามารถเทลคอมคว้าไอพีบรอดแบนด์4พันล.
สามารถเทลคอมกอดคอจัสมิน คว้าโครงการไอพีบรอดแบนด์มูลค่ากว่า 4,000 ล้านบาทของทีโอที ด้านทีโอทีเตรียมเสนอ กจญ.-บอร์ดพิจารณาเห็นชอบ ใช้เวลาติดตั้ง 15 เดือน เผยโปรเจกต์นี้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพโครงข่ายให้สามารถรองรับทราฟฟิกอินเตอร์ ได้มากขึ้น ชี้อนาคตบรอดแบนด์สปีดต่ำสุดอยู่ที่ 8 เม็ก
นายชาครีย์ ทรัพย์พระวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทีโอที จำกัด เปิดเผยในฐานะประธานคณะกรรมการประกวดราคาโครงการจ้างเหมาติดตั้งอุปกรณ์ตาม โครงการขยายโครงข่ายบรอดแบนด์ไอพีของทีโอที มูลค่า 4,215 ล้านบาท ว่า จากการประกวดราคาด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์เมื่อเวลา 14.30 – 15.00 น. วันนี้(26 มี.ค 52) มีผู้ผ่านหลักเกณฑ์ได้เข้าเสนอราคา 2 ราย คือ กลุ่มล็อกซเล่ย์ เอเอที คอนโซเตียม และกลุ่ม เจเจเอส คอนโซเตียม ประกอบ บริษัท จัสมิน เทเลคอม จำกัด(มหาชน) บริษัท สามารถ เทลคอม จำกัด(มหาชน) บริษัท JRW จำกัด ส่วนบริษัท ฟอร์ท คอนโซเตียม ตกรอบตั้งแต่ยื่นคุณสมบัติ
โดย ผลการประมูลผู้เสนอราคาต่ำสุดที่ 4,081.5 ล้านบาท ลดลงจากราคากลาง 133.5 ล้านบาทหรือ 3.17% ขณะที่ผู้เสนอราคารองลงมาเสนอราคาที่ 4,119.999 ล้านบาท ลดลงจากราคากลาง 95.1 ล้านบาทหรือ 2.25%
อย่างไรก็ดีผลการประมูลดังกล่าวยังไม่เป็นทางการ เนื่องจากต้องรอให้กรรมการผู้จัดการใหญ่พิจารณาเห็นชอบคาดว่าจะใช้เวลาใน ขั้นตอนนี้ 3 วัน จึงยังไม่สามารถเปิดเผยชื่อผู้เสนอราคาต่ำสุดได้หลังจากนั้นก็จะนำเสนอ บอร์ดเห็นชอบ ก่อนจะมีการเจรจาต่อรองราคากับผู้เสนอราคาต่ำสุด และลงนามในสัญญาอย่างเป็นทางการอีกครั้ง ซึ่งในเงื่อนไขการประมูล ทีโอทีได้สงวนสิทธิ์ที่จะยกเลิกการประกวดราคาได้
นายชาครีย์ กล่าวต่อว่า โครงการดังกล่าวมีระยะเวลาการติดตั้งหลังจากเซ็นสัญญา ให้แล้วเสร็จภายใน 15 เดือน โดยโครงการดังกล่าวเปรียบเสมือนถนนซูเปอร์ไฮเวย์ ช่วยให้รองรับปริมาณทราฟฟิกอินเทอร์เน็ตมากขึ้น และรอบการใช้งานบรอดแบนด์ 1 ล้านพอร์ต และ 3 G ของทีโอที โดยทีโอทีมองว่าแนวโน้มบรอดแบนด์ในอนาคตความเร็ว 2 เมกะบิตจะไม่เพียงพอต่อความต้องการ และมองว่าความเร็วต่ำสุดจะอยู่ที่ 8 เม็ก
” ไอพีบรอดแบนด์ มีความจำเป็นกับทีโอทีเป็นอย่างมาก เพราะโครงข่ายมีการใช้งานทราฟฟิกอินเทอร์เน็ตอย่างคับคั่ง จึงมีความจำเป็นขยาย คอลไอพีเพิ่ม ซึ่งอนาคตการใช้งานบรอดแบนด์ไม่ใช่เสียงหรือภาพเพียงอย่างเดียว แต่จะใช้งานแบบมัลติมีเดีย ซึ่งต้องการใช้งานแบนด์วิดท์มาก จึงต้องขยายโครงข่ายรองรับ”นายชาครีย์กล่าว
แหล่งข่าวจากบริษัท สามารถ คอร์ปอเรชั่น จำกัด(มหาชน) เปิดเผย ว่า กลุ่ม เจเอส คอนโซเตียม เป็นผู้เสนอราคาต่ำสุดในการประมูล
นายวรุธ สุวกร กรรมการผู้จัดการทีโอที เปิดเผยก่อนหน้านี้ว่า ทีโอทีมีแผนลงทุน โครงการบรอดแบนด์ 1 ล้านพอร์ต 3,600 ล้านบาท โครงการ 3G อีก 29,000 ล้านบาท และโครงการเปลี่ยนชุมสายทั้งหมดให้เป็นโครงข่ายเอ็นจีเอ็น 13,000 ล้านบาท รวมแล้วก็เกือบ 5 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะมีผลกระทบต่อสถานะทางการเงินของทีโอทีและสิ่งที่ทีโอทีจะต้องทำในปี 2552 คือต้องสร้างรายได้โตไม่น้อยกว่า 5.9% เพื่อให้ทีโอทีอยู่ได้โดยกำไรไม่ลดลงไปจากเดิม ซึ่งถ้าจะคำนวณเป็นตัวเลขการติดตั้งบรอดแบนด์ เท่ากับปีนี้ต้องขยายเพิ่มอีกประมาณ 350,000 พอร์ต
แหล่งข่าว http://www.manager.co.th/Telecom/ViewNews.aspx?NewsID=9520000034910