KMS Client

เนื้อหาก่อนหน้านี้

  1. เนื้อหาเกี่ยวกับ kms อ่านได้จากที่นี่ http://noc.rmutl.ac.th/main/?p=1019
  2. KMS ฝั่ง server อ่านได้จากที่นี่ http://noc.rmutl.ac.th/main/?p=1025

มาถึงคราวของ KMS ฝั่งลูกข่ายบ้างนะครับ ซึ่งการใช้งานไม่ได้ยากลำบากอะไรเลย อาจจะพูดได้ว่า ง่ายมาก  ๆ ก็ได้นะครับ แต่จากประสบการณ์ของผมเอง ได้พบปัญหาและข้อแม้ต่าง ๆ ของ KMS ได้ดังนี้

  • KMS Server จะสามารถทำงานได้ ต้องมี KMS Client 25 เครื่อง ที่ร้องขอการ Activation และต้องมีอย่างน้อย 5 เครื่อง ที่เปิดหรือเชื่อมต่อกับระบบอยู่
  • หากไลเซ็นต์ของ Server หรือ ลูกข่ายเป็นลักษณะการอัพเกรด ไม่ใช่การติดตั้งใหม่ (ส่วนมากพบกับการซื้อแบบ Volume License) เครื่องที่ซื้อมาเป็น Free DOS มักจะ Activate ไม่ผ่าน
  • การตั้งค่า Time Zone และ Date ต้องเป็นปัจจุบัน และตรงกับเครื่องแม่ข่าย
  • ลูกข่ายต้องสามารถติดต่อกับเครื่องแม่ข่ายได้ 

หากผ่านพ้นปัญหาด้านบนมาแล้ว ก็สามารถใช้งานได้อย่างสบาย ๆ ครับ ขั้นตอนการติดตั้งที่ลูกข่ายมีดังนี้

  • เปิด cmd ด้วยสิทธิของ Administrator (run as Administrator)
  • ตรวจสอบว่าอยู่ในพาร์ท c:WindowsSystem32 หากไม่อยู่ให้ใช้คำสั่ง cd  c:WindowsSystem32
  • ใช้คำสั่ง cscript slmgr.vbs /ipk xxxxx-xxxxx-xxxxx-xxxxx-xxxxx  (โดยที่ xxx คือ คีย์ของ Windows ลูกข่ายที่ต้องการใช้งาน สามารถดู client key ได้จากที่นี่ http://technet.microsoft.com/en-us/library/jj612867.aspx  )
  • ใช้คำสั่ง  cscript slmgr.vbs /skms kms.rmutl.local:1688    เพื่อสั่งให้ลูกข่ายเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ เปลี่ยน kms.rmutl.local เป็นไอพีหรือชื่อเครื่องเซิร์ฟเวอร์ที่ติดตั้ง kms server ด้วยนะครับ
  • ใช้คำสั่ง cscript slmgr.vbs /ato  เพื่อสั่งให้ลูกข่าย Activation
  • หากไม่ติดปัญหาอะไร ระบบจะแจ้งกลับว่า Activation succfully.

สำหรับเครื่องที่ทำการ Join Domain จะได้รับสิทธิ์ในการ Activate โดยอัตโนมัติ ไม่ต้องผ่านกระบวนการทำแบบนี้ครับผม แต่กระนั้น การพิมพ์คำสั่งแบบนี้ อาจจะไม่สะดวกสำหรับผู้ใช้งานทั่วไป ทางผู้ดูแลอาจจะสร้างเป็น bat file เพื่อให้ผู้ใช้งาน ทำการติดตั้งด้วยตนเองได้ โดยมีสคริปต์ง่าย ๆ ดังนี้ครับ ตัวอย่างสำหรับ windows 7 enterprise ครับ ให้ก๊อปปี้สคริปชุดนี้ แล้วเปลี่ยนชื่อ kms.rmutl.local เป็นชื่อเครื่องแม่ข่ายที่ทำหน้าที่เป็น KMS ในองค์กรของท่าน จากนั้นบันทึกเป็น .bat   หากต้องการใช้งาน เพียงแค่คลิ๊กขวาที่ไฟล์ แล้วเลือก run as Administrator ก็จะสามารถใช้งานได้ทันทีครับ ยังมีสคริปตัวอื่นที่ผมเขียนขึ้นมา เพื่อเซ็ตค่าของ time zone ให้ถูกต้อง

  • สคริปต์เบื้องต้นในการใช้งาน kms client [download id=”33″]
  • สคริปต์ที่ปรับปรุงให้สามารถแก้ไขค่า time zone ได้  [download id=”34″]

สคริปที่ให้ทั้งสองไฟล์นี้ ต้องบันทึกเป็น .bat ก่อนใช้งาน และอย่าลืมนะครับ เวลาใช้งานต้อง run as administrator เท่านั้น




การปรับตั้งค่า KMS ฝั่ง Server

ก่อนหน้านี้ผมได้อธิบายความเป็นมาของ KMS อย่างคร่าว ๆ ไว้ที่ลิงค์นี้ http://noc.rmutl.ac.th/main/?p=1019 คราวนี้ก็ถึงเวลาของ KMS ฝั่งที่เป็น Server บ้างครับ ซึ่งต้องอธิบายอีกนิดในส่วนของ Server และ Key ที่จะนำมาใช้ โดยที่ Microsoft ได้แบ่งประเภทของคีย์ KMS ไว้เป็น 3 กรุ๊ป คือ A,B,C ซึ่งกรุ๊ปที่สามารถควบคุมระบบปฏิบัติการรวมไปถึงออฟฟิตได้ทุกรุ่นคือกรุ๊ป C แล้วที่เหลือก็ลดระดับความสำคัญกันมาตามลำดับ ดังรูป

รูปจาก http://blogs.technet.com/b/migreene/archive/2008/02/28/2940897.aspx

 ท่านสามารถอ่านรายละเอียดการควบคุมกรุ๊ปของ KMS แต่ละชุดได้จากที่นี่ครับ http://technet.microsoft.com/en-us/library/ff793422.aspx

ความต้องการของ KMS ฝั่ง Server

  • OS เป็น Microsoft Windows Server 2008R2 ขึ้นไป (อาจจะใช้รุ่นต่ำกว่าก็ได้ครับ แต่ต้องลง Patch อีกนิดหน่อย ก็ขอข้ามไปเลยละกัน)
  • เพิ่ม Record ใน DNS (กรณีที่ต้องการใช้งานเป็นชื่อโดเม็น หรือกรณีที่ต้องการให้เครื่องที่ Join Domain สามารถ Activation ได้โดยอัตโนมัติ)
  • ชุดคีย์ KMS ที่กำหนดไว้ เช่นชุด A,B หรือ C

ขั้นตอนการติดตั้ง

  • สมมุติว่าได้ทำการติดตั้ง OS เป็น Windows Server 2008R2 และมีการติดตั้ง DNS เรียบร้อยแล้ว
  • ที่เครื่อง DNS ให้ทำการปรับแต่งค่าดังนี้ (หากเครื่อง KMS และ DNS เป็นเครื่องเดียวกัน หรือมีสิทธิในการเขียน record dns แล้ว ให้ใช้คำสั่งนี้ slmgr /sdns เพื่อสร้าง record โดยอัตโนมัติ)
ใน Zone ที่ต้องการ (แนะนำให้เป้น Private Zone ที่เชื่อมต่อภายนอกไม่ได้ ในที่นี้ผมใช้เป็น .local เพื่อป้องกันไม่ให้มีการรเรียกใช้งานจากภายนอก) คลิ๊กขวาใน zone แล้วเลือก Other New Records…

 

 เลือก Sevice Location (SRV) จากนั้นคลิ๊กที่  Create Record

 

 

ที่หน้าต่าง New Resource Record ให้ปรับแต่งค่าดังต่อไปนี้

Service: _VLMCS  (ต้องพิมพ์เองนะครับ มันไม่มีให้เลือก)
Protocol: _tcp
Port: 1688
Host offering the service: kms.rmutl.local  (คือชื่อของเครื่องที่ทำหน้าที่เป็น KMS ครับ และต้องมี A Record อยู่แล้ว )

เมื่อปรับแต่งค่าครบแล้ว ให้คลิ๊กที่ ok ครับ เป็นอันเสร็จสิ้นการปรับแต่งค่าของ DNS

ปัญหาที่เจอก็อาจจะเป็นการลืมเพิ่ม A Record ครับ อาจจะทดสอบโดยการใช้คำสั่ง nslookup kms.rmutl.local ในการตรวจสอบว่าสามารถตอบกลับเป็นไอพีได้ถูกต้องหรือไม่ หากไม่ถูกต้อง ให้ทำการตรวจสอบ A Record อีกครั้งครับ

หากท่านใดใช้ระบบปฏิบัติการลีนุกซ์ทำหน้าที่เป็น DNS ให้เพิ่ม Record ดังนี้

_VLMCS._tcp.rmutl.local.     IN     SRV     0    0    1688     kms.rmutl.local.

อย่าลืมเติมจุด ด้านหลังนะครับ เพราะสำคัญมาก

 

  • ที่ Server KMS ให้ทำการปรับแต่งค่าดังนี้
  1.  ให้เปิด cmd ด้วยสิทธิของ Administrator  (Run as Administrator)
  2. ให้แน่ใจว่า พาร์ทตอนนี้อยู่ที่ c:windowssystem32 หากไม่อยู่ก็ให้ใช้คำสั่ง cd c:windowssystem32
  3. cscript slmgr.vbs /ipk  xxxxx-xxxxx-xxxxx-xxxxx-xxxxx [ใส่เป็น key KMS ของ Windows 2008 R2 คีย์ที่ระบุว่าเป็น KMS C,B,A ตัวใดตัวหนึ่ง]
  4. Activate ด้วยคำสั่ง cscript slmgr.vbs /ato   เป็นอันเสร็จสิ้นกระบวนการของฝั่ง Server

 

หมายเหตุ : ไฟล์วอล ต้องเปิดพอร์ต tcp 1688 ให้สามารถเชื่อมต่อระหว่างลูกข่ายและ เซิร์ฟเวอร์ใด้นะครับ เพราะเมื่อเครื่องลูก Activate ไปแล้ว จะมีการเช็คทุก ๆ 2 ชั่วโมง เพื่อเช็คสถานะ หากเช็คไม่ได้ หรือไม่ได้อยู่ในระบบนานกว่า 180 วัน ไลเซนต์ของลูกข่ายจะหมดอายุโดยอัตโนมัติครับ




Key Management Service (KMS)

KMS มันคืออะไร ??

บริการการจัดการคีย์ (KMS)
KMS เป็นวิธีการเริ่มต้นของการเปิดใช้งานแบบหลายเครื่อง ซึ่งมีความสามารถในการให้บริการการเปิดใช้งานในสภาพแวดล้อมที่มีการจัดการ
รหัสเปิดใช้งานการติดตั้งจำนวนมาก (MAK)
ส่วนใหญ่ MAK จะใช้สำหรับธุรกิจที่ไม่มีความสามารถในการให้บริการเซิร์ฟเวอร์การเปิดใช้งานของตนเอง โดย MAK จะมีความสามารถในการใช้บริการการเปิดใช้งานที่ Microsoft ให้บริการเพื่อเปิดใช้งานระบบที่มีสิทธิ์แต่ละระบบแทน

แล้วทำไมต้องใช้ด้วยละ ???

โดยทั่วไปแล้ว เมื่อเราต้องการที่จะป้อนคีย์ของผลิตภัณฑ์จากไมโครซอฟต์ เช่น microsoft windows , microsoft office เราต้องนำคีย์ประเภท MAK ในการใช้งาน ซึ่ง MAK ก็คือคีย์ที่สามารถใช้งานได้ทั่วไป สำหรับกลุ่มลูกค้าของไมโครซอฟต์ที่ซื้อสิทธิ์ในการใช้งานประเภท Volume แล้วละก็ จะได้คีย์ MAK มา 1 คีย์ แล้วสามารถที่จะนำคีย์ตัวนี้ไปติดตั้งได้หลาย ๆ เครื่อง

ประเด็นอยู่ที่ การดูแลคีย์ MAK นี่แหละครับ การที่จำเป็นต้องดูแลลูกข่ายจำนวนหลายพันเครื่อง ซึ่งต้องป้อนคีย์เองทั้งหมด ก็คงจะลำบากน่าดู แต่ถ้าหากนำเอาคีย์ตัวนี้ไปให้เจ้าของเครื่องทำการป้อนคีย์เอง ก็มีโอกาสสูงที่คีย์ตัวนี้ จะหลุดรอดออกไปได้ (ผมก็เคยเจอไปโผล่ในเว็บบิต) ซึ่งจะส่งผลให้ จำนวนครั้งที่ทำสัญญากับไมโครซอฟต์นั้นเต็ม (คีย์เต็ม) และแน่นอนว่า เครื่องที่จำเป็นต้องใช้งาน จะป้อนคีย์ไม่ผ่านอีกเลย

 

โม้ยาวไปละผม T_T และแล้วก็ถึงคิวของพระเอกเราซะที KMS เป็นกระบวนการป้อนคีย์ที่เรียกว่า Public ซึ่งคีย์ตัวนี้ สามารถนำไปเผยแพร่ได้ (คีย์สาธารณะของลูกข่ายนะครับ ของแม่ข่ายเผยแพร่ไม่ได้นะครับ) ซึ่งกระบวนการง่าย ๆ คือ เราต้องมีเครื่องที่ทำหน้าทีเป็นแม่ข่ายภายในองค์กร แล้วให้เครื่องลูกข่ายที่ต้องการใช้งาน เชื่อมต่อไปยัง เครื่องแม่ข่าย เมื่อแม่ข่ายตรวจสอบแล้วว่าข้อมูลถูกต้องหรือมีการร้องขอ เครื่องแม่ข่ายจะทำหน้าที่ในการมอบสิทธิหรือยอมให้ติดตั้งคีย์ได้ และส่งข้อมูลไปยังไมโครซอฟต์ โดยที่เครื่องลูกข่าย จำเป็นต้องติดต่อกับเครื่องแม่ข่าย อย่างน้อย 1 ครั้งภายใน 180 วัน หากเลยกำหนดแล้ว จะถือว่าผลิตภัณฑ์ตัวนั้น ไม่มีสิทธิ์ในการใช้งาน (หมดอายุแล้ว)

รูปจาก http://technet.microsoft.com/en-us/library/ff603508.aspx

สรุปข้อดี

  1. สามารถนำคีย์สำหรับเครื่องลูกข่ายไปเผยแพร่ได้ (แต่ต้องควบคุมสิทธิ์การเข้าถึงเครื่องแม่ข่ายจากภายนอกด้วย) ซึ่งจะช่วยให้ผู้ดูแลรหัสผลิตภัณฑ์ไม่ต้องเหนื่อยกับการต้องวิ่งไปป้อนคีย์ทุก ๆ เครื่อง
  2. ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับการแอบใช้งาน เพราะลูกข่ายต้องเชื่อมต่อกับเม่ข่ายทุก ๆ 180 วัน
  3. ลูกข่ายที่ใช้งาน KMS จะไม่เกี่ยวข้องกับจำนวนคีย์ที่เป็น MAK  สมมุติว่า องค์กรของเรามีสิทธิในการใช้ MAK 500 ครั้ง เครื่องลูกข่ายที่ใช้งาน KMS จะมีเป็นพันเครื่อง ก็จะไม่เพิ่มจำนวนการใช้งานของ MAK แต่อย่างใด
  4. หากในองค์กรมี Active Directory แล้วเครื่องลูกข่าย Join Domain ก็จะได้รับสิทธิในการ Activated โดยอัตดนมัติ

สรุปข้อเสีย

  1. ต้องมีเครื่องแม่ข่าย ที่ทำหน้าที่เป็น KMS ซึ่งเครื่องแม่ข่ายต้องออกอินเตอร์เน็ตได้ และต้องป้องกันการเข้าถึงจากภายนอก
  2. การใช้งานเครื่องแม่ข่ายในครั้งแรก จำนวนเครื่องลูกข่ายที่ร้องขอ KMS ต้องมีจำนวน 25 เครื่องขึ้นไป จึงจะเริ่มกระบวนการ Activated ได้

 

คราวนี้จะอธิบายขั้นตอนการติดตั้ง KMS Server และการสร้าง Key Client ครับ




ประกาศแจ้ง : ขยายวงจรสื่อสัญญาณระหว่างประเทศ ในวันพุธที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2555 เวลา 12.00 น. – 13.00 น.

อ้างอิงจาก จดหมายเวียนของ Uninet

เรียนสมาชิกเครือข่าย UniNet ทุกท่าน

เนื่องด้วยทางสำนักงานฯ จะดำเนินการขยายวงจรสื่อสัญญาณอินเตอร์เน็ตระหว่างประเทศเพิ่มขึ้นเป็น 30 Gbps และปรับปรุงสายสื่อสัญญาณอินเตอร์เน็ตภายในประเทศ 20 Gbps เพื่อรองรับการใช้งานของสมาชิกที่มีเพิ่มขึ้น ในวันที่ 28 กันยายน 2555 ระหว่างเวลา 19.00-22.00 น. ซึ่งจะส่งผลให้สมาชิกไม่ได้รับความสะดวกในการใช้งานอินเตอร์เน็ตในช่วงเวลาดังกล่าว
ทางสำนักงานฯ เรียนมาเพื่อขออภัยในความไม่สะดวกในครั้งนี้ด้วย หากมีข้อสงสัยประการใด โปรดติดต่อทาง E-Mail: noc@uni.net.th โทร. 02-3545678 ต่อ 4004

 

การปรับปรุงดังกล่าวจะส่งผลกระทบโดยตรงต่อการใช้งานเว็บไซต์ต่างประเทศ ที่อาจจะพบกับความล่าช้าหรือเข้าใช้บริการไม่ได้เลย

จึงแจ้งมาเพื่อทราบ




4G LTE

ขอเกาะกระแสการเปิดตัว The new IPAD ซะหน่อยครับ ก็ด้วย IPAD ตัวใหม่นี้ สนับสนุน 4G LTE: iPad รุ่นใหม่จะสนับสนุนเทคโนโลยี 4G LTE โดยจะให้บริการในสหรัฐฯทั้งผู้ให้บริการ AT&T และ Verizon (อ้างอิงจาก  http://www.arip.co.th/news.php?id=414972 ) บ้านเรา 3G มันยังไม่รอดกันเลยครับ (ที่มีอยู่ก็มีแต่ชื่อ 3G แต่ใช้งานจริง ๆ แล้วไม่น่าประทับใจเอาซะเลย)

เอาละ ประเด็นคือ 4G LTE แล้วมันคืออะไรล่ะ

4G LTE คือ มาตรฐานการสื่อสาร(ข้อมูล) ยุคที่ 4 ซึ่งจะเป็นตัวตายตัวแทนของมาตรฐานเดิมคือ 3G และ 2G (อ้างอิงจาก  http://en.wikipedia.org/wiki/4G#LTE_Advanced )

สิ่งที่เราจะได้รับประโยชน์จาก 4G ก็คือ การรับส่งข้อมูลที่มีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น (ถ้าเป็นจริงตามทฤษฎี ก็น่าตกใจมากทีเดียวครับ)

มาตรฐาน อัพโหลด ดาวน์โหลด
4G LTE 50 Mbps 100 Mbps
4G Advance 500 Mbps 1 Gbps

ส่วนพื้นที่การให้บริการนั้น จะเน้นที่เป็นจุดย่อย (ยิ่งการรับส่งข้อมูลไวเท่าไหร่ พื้นที่ให้บริการ จะลดน้อยลง) ดังรูปครับ

รูปจาก http://www.ais.co.th/4g/

 

และแน่นอนว่า ประเทศไทยของเรานั้น ยังอยู่ในช่วงของการทดลอง และคงทดลองไปอีกนาน อาจจะเนื่องมาจาก ความถี่ที่ใช้ของ 4G นั้นเป็น 2300 MHz ซึ่งแตกต่างจาก 3G ที่ใช้ 2100 MHz ไม่รู้ว่าจะต้องเสียเวลาในการสัมปทานอีกนานเท่าไหร่  แต่เทคโนโลยีนี้ ถือว่าเป็นเทคโนโลยีที่น่าจับตามองอย่างมากครับ ลองคิดถึงการติดต่อสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ ความคมชัดของสื่อ หรือแม้กระทั่งการใช้งาน cloud computing ที่กำลังมาแรงในขณะนี้ ดังนั้น 4G จะตอบโจทย์ทั้งหมดได้อย่างไม่มีปัญหา ส่วนเรื่อง ราคาค่าตัวการใช้งานนั้น ค่อยว่ากันอีกทีครับ




วงจรสื่อสารไปเขตพื้นที่น่านขัดข้อง

วันศุกร์ที่ 2 กันยายน 2554 เวลา 12.50 น. วงจรสือสารของ 3BB เชื่อมโยงไปเขตพื้นที่น่านขัดข้อง

ทำให้ไม่สามารถติดต่อสื่อสารไปยังเขตพื้นที่น่านได้ ซึ่งประกอบไปด้วย

วงจรเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต

วงจรเชื่อมต่อระบบคอนเฟอเร้นทร์

ขณะนี้กำลังดำเนินการตรวจสอบและแก้ไข



reset password pfsense (กรณี lock console)

เช้าวันนี้ ผมได้ตรวจสอบระบบเครือข่าย แล้วพบว่า มีการพยายามล็อกอิน Switching จากไอพี ๆ หนึ่ง เลยตรวจย้อนกลับไปว่ามาจากไหน ปรากฎว่าเป็นไอพีของ FW ซึ่งได้ใช้ pfsense ในการทำหน้าที่เป็น FW ซึ่งวิธีการที่จะเข้าแก้ไขต้องเข้าทางหน้าเว็บไซต์เท่านั้น แต่เจ้ากรรม ดันลืมรหัสผ่านไปซะนี่ พอจะเข้ารีเซ็ตพาสเวิร์ดผ่านหน้า console ก็ดันไป lock console อีก เห้อ

หลังจากวุ่นวายอยู่พักใหญ่ ก็เริ่มค้นหาข้อมูล จนได้เจอวิธีการแก้ไข คือ ใช้ command ในการ reset password

วิธีการ ก็ง่าย ๆ ดังนี้คือ

  • รีบูต FW จนถึงหน้าเมนู  ให้เลือก ออปชั่น Boot pfSense in single user mode ( รุ่นเก่าหน่อยใช้เบอร์ 4 แต่รุ่นใหม่ใช้เบอร์ 5 ครับ)
  • จากนั้นให้ใช้คำสั่งดังต่อไปนี้
    • /sbin/mount -o rw /
    • /sbin/mount -a -t ufs
    • /etc/rc.initial.password
    • ระบบจะถามยืนยันอีกครั้งให้เรากด y เพื่อยืนยันการ reset password
  • จากนั้นให้ทำการรีบูตเครื่อง (กดสวิตซ์รีบูตครับ)
  • เข้าหน้าเว็บของ FW คราวนี้ user & password จะถูก reset เป็น admin , pfsense ครับ

เมื่อเข้าไปได้แล้ว ก็อย่าลืมเปลี่ยน password ด้วยนะครับ เดี๋ยวจะถูกคนอื่นแอบมาแก้ไขได้

^_^




แจ้งการแพร่ระบาดของ Malware

สัปดาห์นี้ ทางทีมงานได้รับแจ้งเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของ malware ซึ่งก่อกวนการใช้งานระบบอินเตอร์เน็ต ซึ่งมีลักษณะของการแจ้งเตือนผ่านเว็บเบราเซอร์ โดยให้มีการอัพเดทเบราเซอร์ (แต่ที่จริงแล้วเป็นการติดตั้งซอฟแวร์อันตรายเข้าไปในเครื่อง) โดยมีข้อความดังต่อไปนี้

the page does not support you version of browser.

please update your software

browser update

 

 

หากเครื่องใดเจออาการดังกล่าว ห้ามคลิ๊กที่ Browser update โดยเด็ดขาด เพราะจะทำให้เครื่องของเรากลายเป็นฐานในการเผยแพร่ malware ให้กับเครื่องอื่น ๆ ไปเรื่อย ๆ ซึ่งขณะนี้ ก็ได้รับข้อมูลว่ามีการระบาดอย่างมาก

วิธีการแก้ไข ให้ดาวน์โหลดซอร์ฟแวร์ ในการกำจัด ได้ที่นี่ http://www.malwarebytes.org/products/malwarebytes_pro




วงจรสื่อสาร 3BB ขัดข้อง

วันศุกร์ที่ 24 มิถุนายน 2554 เวลา 07.55 น. วงจรสือสารของ 3BB ขัดข้อง ทั้ง 3 วงจร คือ

วงจรเชื่อมต่อเครือข่ายทุกเขตพื้นที่

วงจรเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต

วงจรเชื่อมต่อระบบคอนเฟอเร้นทร์

ขณะนี้กำลังดำเนินการตรวจสอบและแก้ไข

ขณะนี้สามารถใช้งานได้ตามปกติแล้ว ตั้งแต่เวลา 11.20 น.

 




วันทดสอบการใช้งาน IPv6 หรือ เรียกว่า World IPv6 day

อ้างถึงจดหมายเวียนจาก Uninet

เรียนสมาชิก UniNet

จากงานสัมมนาเมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2554 “ปัจจุบันและอนาคตเครือข่ายเพื่อการศึกษาแห่งชาติ (NEdNet) และการเตรียมความพร้อมโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับ IPv6” ที่ผ่านมา อาจจะมีหลายๆ ท่านที่ไม่ได้เข้าร่วมงาน เนื่องด้วย IP ที่เราใช้อยู่ในปัจจุบันที่เป็น IPv4 ได้ใกล้หมดแล้ว และหากเราต้องการขยายเครือข่ายอินเตอร์เน็ตคงจะไม่มี IPv4 ให้เพิ่มอีกแล้ว ดังนั้นจึงเป็นเหตุผลหลักที่เราจำเป็นเปลี่ยนไปใช้ IP รุ่นที่ 6 (IPv6) และทุกส่วนของอินเตอร์เน็ตทั่วโลกจะต้องเปลี่ยนไปใช้ IPv6 โดยการเปลี่ยนแปลงจะเป็นลักษณะค่อยๆเปลี่ยนคือ จะใช้หมายเลข IPv4 และ IPv6 ควบคู่กันไประยะหนึ่ง และต่อไปจะคงจะเหลือเพียง IPv6 อย่างเดียว

จากเหตุในขั้นต้นนั้น เพื่อให้เกิดความมั่นใจในการปรับเปลี่ยนไปใช้งาน IPv6 จึงมีองค์กรที่เกี่ยวกับการจัดสรร IP อินเทอร์เน็ต ได้กำหนดให้วันที่ 8 มิถุนายน 2554 (0:00 GMT- 24:00 GMT, ตรงกับเวลาประเทศไทย 7.00 8 มิ.ย. 54 – 7.00 9 มิ.ย. 54 )เป็นวันทดสอบการใช้งาน  IPv6 หรือ เรียกว่า World IPv6 day  http://www.worldipv6day.org/

ผู้ให้บริการระดับโลกหลายๆ ผู้ให้บริการเข้าร่วมทดสอบ IPv6 ด้วย เช่น google, facebook, youtube เป็นต้น สิ่งที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 8 มิ.ย. คือ Web ของผู้ให้บริการเหล่านั้นจะมีทั้ง IPv4 และ IPv6 จากเดิมที่มีเฉพาะ IPv4 อย่างเดียว  หาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ http://www.worldipv6day.org/participants/

การทำงานของระบบเมื่อผู้ใช้เรียก Web ที่เป็น IPv6
ในทางเทคนิคแล้ว เมื่อผู้ใช้เรียกใช้งาน Web (คอมพิวเตอร์ปลายทาง) ที่มีทั้ง IPv4 และ IPv6  คอมพิวเตอร์ต้นทางของผู้ใช้จะตรวจสอบว่ามี IPv6 บนเครื่องคอมพิวเตอร์ต้นทางหรือไม่
กรณีที่ 1.  มีเฉพาะ IPv4 ไม่มี IPv6 กรณีนี้คอมพิวเตอร์ต้นทางจะติดต่อกับคอมพิวเตอร์ปลายทาง ด้วย IPv4
กรณีที่ 2. มีทั้ง IPv4 และ IPv6 แบบ native  กรณีนี้คอมพิวเตอร์ต้นทางจะติดต่อกับคอมพิวเตอร์ปลายทางด้วย IPv6 ก่อน หากติดต่อด้วย IPv6 ไม่ได้ (ค่า timeout ประมาณ 30-60 วินาที) จะเปลี่ยนเป็น IPv4
กรณีที่ 3. มี IPv4  แต่มี IPv6 แบบ 6to4  กรณีนี้(จากการทดลองส่วนตัว) คอมพิวเตอร์ต้นทางจะติดต่อกับคอมพิวเตอร์ปลายทางด้วย IPv4

ปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้น
ปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้น ณ วันนั้นคือ ผู้ใช้เรียกเว็บที่เป็น IPv6 แล้ว(เช่น google, youtube) แล้วข้อมูลจากเว็บนั้นๆจะเข้ามาช้า หรือไม่มาเลย

การเตรียมความพร้อมและการทดสอบ
ทุกท่านสามารถทดสอบว่าเครื่องคอมพิวเตอร์ ที่ใช้งานอยู่มี IPv6 หรือไม่
1. เรียกไปยังเว็บ http://www.kame.net  หากเห็นภาพเต่ากระดิกได้แสดงว่าใช้งาน IPv6 อยู่
2. เรียกไปยังเว็บ http://ipv6-test.com/  เว็บนี้จะบอกว่าการเชื่อมต่อแบบ IPv6 หรือ IPv4  และรายงานว่าเครื่องคอมพิวเตอร์ที่เรียกไปมี IPv6 หรือไม่ (เป็นได้ว่าคอมพิวเตอร์ต้นทางมีทั้ง IPv4 และ IPv6 แต่เลือกการเชื่อมต่อเป็นแบบ IPv4)
3. เรียกไปยัง ipv6.google.com
3.1 ถ้าเรียกไม่ได้แสดงว่าเครื่องคอมพิวเตอร์ต้นทางไม่รองรับ IPv6  (เป็น IPv4 เท่านั้น)
3.2 ถ้าเรียกได้ (ไม่ว่าจะเร็วติดมือหรือช้า) แสดงว่าคอมพิวเตอร์ต้นทางเป็น IPv6
3.2.1 ให้ดูการทดสอบข้อ 2 ถ้าข้อมูลระบุว่าเป็น IPv6 แบบ native ก็พอจะสบายใจว่าวันที่ 8 มิ.ย. อาจจะไม่มีปัญหา
3.2.2 ถ้าการทดสอบข้อ 2 ระบุว่าเป็น IPv6 แบบ 6to4 ก็ให้ทำใจว่าวันที่ 8 มิ.ย. อาจจะมีปัญหา เนื่องจากอุปกรณ์ 6to4 gateway เกิด overload ในวันนั้น

อ้างอิงข้อมูลจากบทความของคุณชยา ลิ้มจิตติ




วงจรสื่อสารไปดอยสะเก็ดขัดข้อง

วันศุกร์ที่ 27 พฤษภาคม 2554 เวลา 16.00 น. วงจรสือสารไปดอยสะเก็ดขัดข้อง จึงทำให้ดอยสะเก็ดไม่สามารถใช้งานระบบเครือข่ายอินเตอร์เน็ตได้ ขณะนี้ได้ดำเนินการแจ้งไปยัง 3BB เพื่อแก้ไขปัญหาแล้ว

สาเหตุเกิดจาก ต้นไม้ล้มทับสายไฟเบอร์ออฟติค ขณะนี้กำลังดำเนินการตัดต่อสายไฟเบอร์ออฟติคใหม่

แก้ไขเรียบร้อยเวลา น.

รวมระยะเวลา  ชั่วโมง  นาที




ระบบบริหารจัดการเครือข่ายอัจฉริยะ (INMS)

โครงการระบบบริหารจัดการเครือข่ายอัจฉริยะ (INMS) ประกอบด้วยซอฟแวร์ 3 ตัวหลัก ๆ ดังนี้

  • NetHAM Network Health Analysis and Monitoring ต้นแบบระบบตรวจสอบสถานะการทำงานของอุปกรณ์เครือข่ายและบริการ
  • NtopViewer ต้นแบบระบบตรวจจับและวิเคราะห์ปริมาณการใช้งาน และพฤติกรรมการใช้งานบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
  • BaCon Bandwidth Controller ต้นแบบระบบจัดการ bandwidth ที่สามารถควบคุมการใช้ bandwidth ของผู้ใช้

ตอนนี้ก็พัฒนาไปถึงเวอร์ชั่น 2.1.0 แล้วนะครับ เมื่อก่อนผมก็เคยเข้าร่วมการอบรมไปครั้งหนึ่งแล้ว แต่ตอนนั้น ยังต้องพัฒนาอีกเยอะ เลยไม่ได้นำมาใช้ แต่เดี๋ยวนี้ มีการปรับปรุงประสิทธิภาพและรายละเอียดอื่น ๆ ไปเยอะพอสมควร ก็เลยคิดที่จะนำมาใช้ตรวจสอบ Server Service บ้าง

มีตัวให้ทดสอบการใช้งานด้วยนะครับ สนใจลองทดสอบเล่นได้ที่นี่ NetHAM Live Demo

เว็บไซต์ผู้พัฒนา http://inms.in.th/portal/

หรือติดตามผ่านทาง facebook ก็ได้นะครับ